ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคดิจิตอลนี้ ข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจริงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราแทบจะรับข้อมูลข่าวสารต่างๆทางอินเตอร์โนต โซเชี่ยล เป็นหลัก
จากแหล่งอ้างอิง Emerson, Ramona (2012) นั้น ได้ระบุว่า ประชาชนอเมริกัน ได้รับข่าวสารทางหนังสือพิมพ์เพียงแค่ 13 % จากแหล่งข่าวทั้งหมด
เนื่องด้วยความไวและความเร็วของเทคโนโลยีที่พัฒนา ทำให้การกลั่นกรองข้อมูลนั้นลดประสิทธิภาพลดลงมาก และโซเชี่ยลเนตเวิร์คก็ให้อิสระกับผู้ใช้ (User Empowered) ที่จะสามารถแชร์ข้อมูลได้ในพื้นที่สาธารณะแห่งนี้
ในปัจจุบันเราจะพบข้อมูลแปลกๆ แต่จะขอหยิบยื่นเฉพาะทางวงการฟิตเนสออกมาเช่น
- แช่น้ำร้อนเผาไขมันจำนวน 200Kcal
- ยาลดความอ้วนทดลองแล้วในยีราฟ มีผลช่วยในมนุษย์ด้วย
- พบการเชื่อมโยงระหว่างการกินอกไก่ปั่นและโรคซึมเศร้าในมนุษย์
-ออกกำลังกายแล้วไตวาย (ไม่ออกสิมึงจะตายไว)
ข้อมูลจำพวกนี้ฟังดูอาจจะตลกทันที แต่เชื่อไหมครับ มีคนเชื่อข้อมูลพวกนี้อยู่มาก ไม่พอ ทำการแชร์ข้อมูลพวกนี้ออกไปด้วย
ตัวสื่อต่างๆก็มีผลในการพาดหัวข่าวเช่นกันโดยเฉพาะจำพวก ClickBait ทั้งหลายที่ล่อให้เข้าไปกดจากหัวข้อที่เขียนดึงคาวมสนใจพวกนี้แล้วลิ้งค์ต่อเนื่องไปยังการโฆษณาอื่นๆ (ที่ผิดๆ) อีกต่อเป็นทอดๆ
เป็นการดึงกลุ่มคนที่ไม่มีความสามารถในการวิเคราะห์และแยกแยะมาอยู่จำพวกเดียวกับหรือรวมพลังแห่งความเขลา เข้ามาอยู่ในที่เดียวกันทีเดียวเชียว (Amplifying Stupidity)
เอาจริงๆสภาพสังคมโซเชี่ยลปัจจุบันเหมือนเดิมฝ่าดงกับระเบิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เราไม่สามารถที่จะแน่ใจได้เลยว่า ก้าวต่อไปในการเสพข้อมูลต่างๆนั้นจะเป็นก้าวที่เราเดินเข้าไปเหยียบกับระเบิดพวกนี้หรือไม
วิธีที่เราจะหลบกับระเบิดพวกนี้นั้นไม่ยากเลยโดยเพียงแค่เราต้องรู้จักกระบวนการวิเคราะห์ที่ถูกต้องโดยก่อนที่เราจะวิเคราะห์ข้อมูล เราจำเป็นต้องวิเคราะห์แหล่งที่มาก่อน เช่นทำไมข้อมูลสุขภาพถึงถูกแชร์ออกมาจากเว็บพนันโต๊ะบอล ? ทำไมข้อมูลฟิตเนสถึงถูกแชร์ออกมาจากเว็บไซท์ของบริษัทโฆษณา หรือเพจที่ไร้ตัวตนแหล่งอ้างอิงที่ใช้ถ้อยคำแปลกๆ แหล่งที่มาไม่ชอบมาพากลเช่นนี้ ถ้าใครเชื่อก็ค่อนข้างเข้าข่ายกลุ่มบุคคลที่เต็มไปด้วยความเขลา (Group of Stupidity) เราต้องถามตัวเองก่อนว่า เราอยู่ในกลุ่มคนจำพวกนี้หรือไม่ ?
ต่อไปเรามีความจำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกแชร์ออกมา โดยการเช็คก่อนว่าความเป็นไปได้หรือ เป้าประสงค์ของข้อมูลเหล่านี้นั้นมีเพื่ออะไร เช่น ทำไมยาลดความอ้วนที่ทดลองในยีราฟถึงมีผลในมนุษย์ ผลอะไร? การทดลองอะไร? สารอะไร? อันตรายมั้ย? จำเป็นมั้ย? จริงหรือไม่? มีวิธีดีกว่านี้มั้ย?
วิธีสุดท้ายคือการให้ความรู้แก่ตนเองโดยการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้นั้นไม่ได้จบอยู่ในห้องเรียนหรือโรงเรียนกวดวิชาหรือสถาบันต่างๆ กระบวนการเรียนรู้เกิดขึ้นในทุกช่วงชณะของชีวิต และมาได้ในทุกรูปแบบทั้งความสำเร็จและความล้มเหว เช่นการเดินเตะโต๊ะทำให้เรารู้จักการหลบหลีกและระมัดระวังมากขึ้น หมั่นหัดฝึกตัวเองให้เป็นคนที่เรียนรู้จากสิ่งรอบตัวและไม่จำกัดอยู่แค่การคิดในระดับเดียว ต้องคิดแล้วคิดอีกย้ำแล้วย้ำอีกว่าความคิดของเราหรือสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเรานั้นสามารถที่จะนำไปใช้เป็นประโยชน์อะไรในชีวิตได้บ้าง
เพียงเท่านี้ เราก็จะมีความสามารถที่จะวิเคราะห์และไม่ตกเป็นเหยื่อของหลุมระเบิดเฉกเช่นสมัยสงครามโลกที่ผ่านมานั้นได้
Emerson, Ramona Facebook News Feed Changes: Say Goodbye To The News Feed You Know (PICTURES).” The Huffington Post. TheHuffingtonPost.com, 20 Sept. 2011. Web. 27 Sept. 2012.
Comentarios